“ผ้าไหม” ที่ได้ชื่อว่า “ราชินีแห่งเส้นใยผ้า” เป็นผลิตภัณฑ์เอกลักษณ์ของภูมิปัญญาชาวบ้านในหลาย ๆ พื้นที่ รวมถึง จ.นครราชสีมา ที่เป็นเมืองศูนย์กลางของ “ผ้าไหมดี” มีแหล่งผลิตตามชุมชนหมู่บ้านในหลายอำเภอ เช่น สีดา บัวใหญ่ ห้วยแถลง เสิงสาง ปักธงชัย ฯลฯ เริ่มต้นตั้งแต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แปรรูปเป็นเส้นใย และทอเป็นผ้าไหมลวดลายต่าง ๆ รวมไปถึงการจำหน่ายครบวงจร สร้างรายได้แก่ชาวบ้านเกษตรกร ผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชนทั่วไปเป็นเม็ดเงินมหาศาล
ในห้วงปี 2552 จ.นครราชสีมา ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นขึ้น โดยได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ “ผ้าไหมโคราช” ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการส่งเสริมการสร้างรายได้ในท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของแผ่นดิน และเผยแพร่ชื่อเสียงของผ้าไหมโคราชให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป โดยเน้นนโยบาย “การตลาดนำการผลิต”
นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผวจ.นครราช สีมา บอกว่า เรื่องราวของผ้าไหมโคราชมีการสืบทอดมาแต่โบราณรุ่นบรรพบุรุษ ซึ่งได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองโคราชมายาวนาน กว่าจะเป็นผ้าไหม ต้องใช้ความละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน ใช้ความอดทนอุตสาหะในการทำ กว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนสุดแสนจะลำบาก หากย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน ชาวบ้าน 100 หลังคาเรือน จะปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกว่า 80 หลังคาเรือน แต่ทุกวันนี้เหลือเพียง 2 หลังคาเรือน และ ในอนาคตอาจจะไม่เหลือเลย
ทางจังหวัด จึงวาง ยุทธศาสตร์ ไหมโคราช ให้โคราช เป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ทั้งด้านการผลิตและจำหน่าย โดยสนับสนุนผ้าไหมโคราชมีการทำอย่างเป็นระบบมากขึ้น จากในอดีตที่มีกลุ่มชาวบ้านผลิตผ้าไหมเพื่อเป็นรายได้เสริม ใช้เวลาว่างหลังการทำไร่ ทำนา แต่วันนี้การทำผ้าไหมกำลังเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวบ้านที่มีเม็ดเงินสะพัดมหาศาล เป็นการพัฒนาระบบผ้าไหมโคราชที่ได้ผลดีทั้งด้านการสร้างรายได้อย่างคึกคักแก่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในชุมชนท้องถิ่นหลายอำเภอ ผู้ประกอบการร้านค้าผลิตภัณฑ์ผ้าไหมในโคราช และผลดีทางด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านให้ดำรงสืบไป
ผวจ.นครราชสีมา กล่าวอีกว่า ในวันนี้ จ.นครราชสีมา ได้มองถึงศักยภาพของผ้าไหมโคราช ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนเข้าสู่ระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม จนกระทั่งโคราชมีผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเนื้อดี เป็นสินค้า ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ และเป็นที่ยอม รับของประชาชนทั่วไป ทางจังหวัดจึงได้จัดโครงการ “โคราช Thai Silk นวัตกรรมผ้าไหมไทยประยุกต์” เพื่อเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงผ้าไหมโคราชให้ประชาชนในหลาย ๆ จังหวัดได้ทราบถึงตำนาน คุณภาพ พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมของผ้าไหมโคราชให้เป็นสินค้าหลากหลายประเภทตามยุค สมัยใหม่
“ที่ผ่านมาได้เปิดเส้นทางสายไหมที่ จ.ชลบุรี เป็นรูปแบบงานแสดงจำหน่ายสินค้าและนิทรรศการตำนานไหมโคราช พร้อมกิจกรรมการเจรจาการค้าระหว่างผู้ผลิตและพ่อค้า ซึ่งต้องเน้นตามนโยบายการตลาดนำการผลิต และการเจรจาทางการค้าที่ผ่านมานั้นได้ถูกจัดขึ้น 3 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช และสงขลา เพื่อขยายตลาดผ้าไหมโคราชสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งมีนักลงทุนและประชาชนให้ความสนใจอย่างคึกคัก สร้างเม็ดเงินจากการค้าผ้าไหมโคราชมหาศาลเช่นเดียวกัน” ผวจ.นครราชสีมา ระบุ
ด้าน นายเส่ง สิงห์โตทอง พัฒนาการ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า โครงการ “โคราช Thai Silk นวัตกรรมผ้าไหมไทยประยุกต์” เป็นการเดินแผนบูมตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมโคราช เพื่ออวดโฉมผ้าไหมโคราชแก่
ชาวไทยทั่วประเทศ โดยนำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพดีจากกลุ่มอาชีพกว่า 100 กลุ่มจาก 20 อำเภอใน จ.นครราชสีมา มาแสดง และจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมกับมีนิทรรศการจัดแสดงมหัศจรรย์แห่งตำนานผ้าไหมพื้นเมืองโคราช 7 แบบ 7 ลาย และตื่นตากับนวัตกรรมการสร้างสรรค์ผ้าไหมยืดได้ ผ้าไหมซักเครื่อง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการเดินแฟชั่นโชว์จากผ้าไหมโดยนักแสดงชื่อดัง โดยงานนี้จัดแสดง ที่บริเวณลาน วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ในวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2552 โดยมี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน ในวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. คาดว่างานนี้จะเกิดการซื้อขายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมโคราชอย่างคึกคัก และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโคราชให้คึกคักตามไปด้วย.
ในห้วงปี 2552 จ.นครราชสีมา ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นขึ้น โดยได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ “ผ้าไหมโคราช” ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการส่งเสริมการสร้างรายได้ในท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของแผ่นดิน และเผยแพร่ชื่อเสียงของผ้าไหมโคราชให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป โดยเน้นนโยบาย “การตลาดนำการผลิต”
นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผวจ.นครราช สีมา บอกว่า เรื่องราวของผ้าไหมโคราชมีการสืบทอดมาแต่โบราณรุ่นบรรพบุรุษ ซึ่งได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองโคราชมายาวนาน กว่าจะเป็นผ้าไหม ต้องใช้ความละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน ใช้ความอดทนอุตสาหะในการทำ กว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนสุดแสนจะลำบาก หากย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน ชาวบ้าน 100 หลังคาเรือน จะปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกว่า 80 หลังคาเรือน แต่ทุกวันนี้เหลือเพียง 2 หลังคาเรือน และ ในอนาคตอาจจะไม่เหลือเลย
ทางจังหวัด จึงวาง ยุทธศาสตร์ ไหมโคราช ให้โคราช เป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ทั้งด้านการผลิตและจำหน่าย โดยสนับสนุนผ้าไหมโคราชมีการทำอย่างเป็นระบบมากขึ้น จากในอดีตที่มีกลุ่มชาวบ้านผลิตผ้าไหมเพื่อเป็นรายได้เสริม ใช้เวลาว่างหลังการทำไร่ ทำนา แต่วันนี้การทำผ้าไหมกำลังเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวบ้านที่มีเม็ดเงินสะพัดมหาศาล เป็นการพัฒนาระบบผ้าไหมโคราชที่ได้ผลดีทั้งด้านการสร้างรายได้อย่างคึกคักแก่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในชุมชนท้องถิ่นหลายอำเภอ ผู้ประกอบการร้านค้าผลิตภัณฑ์ผ้าไหมในโคราช และผลดีทางด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านให้ดำรงสืบไป
ผวจ.นครราชสีมา กล่าวอีกว่า ในวันนี้ จ.นครราชสีมา ได้มองถึงศักยภาพของผ้าไหมโคราช ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จนเข้าสู่ระบบการผลิตแบบอุตสาหกรรม จนกระทั่งโคราชมีผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเนื้อดี เป็นสินค้า ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ และเป็นที่ยอม รับของประชาชนทั่วไป ทางจังหวัดจึงได้จัดโครงการ “โคราช Thai Silk นวัตกรรมผ้าไหมไทยประยุกต์” เพื่อเป็นการตอกย้ำชื่อเสียงผ้าไหมโคราชให้ประชาชนในหลาย ๆ จังหวัดได้ทราบถึงตำนาน คุณภาพ พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมของผ้าไหมโคราชให้เป็นสินค้าหลากหลายประเภทตามยุค สมัยใหม่
“ที่ผ่านมาได้เปิดเส้นทางสายไหมที่ จ.ชลบุรี เป็นรูปแบบงานแสดงจำหน่ายสินค้าและนิทรรศการตำนานไหมโคราช พร้อมกิจกรรมการเจรจาการค้าระหว่างผู้ผลิตและพ่อค้า ซึ่งต้องเน้นตามนโยบายการตลาดนำการผลิต และการเจรจาทางการค้าที่ผ่านมานั้นได้ถูกจัดขึ้น 3 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช และสงขลา เพื่อขยายตลาดผ้าไหมโคราชสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งมีนักลงทุนและประชาชนให้ความสนใจอย่างคึกคัก สร้างเม็ดเงินจากการค้าผ้าไหมโคราชมหาศาลเช่นเดียวกัน” ผวจ.นครราชสีมา ระบุ
ด้าน นายเส่ง สิงห์โตทอง พัฒนาการ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า โครงการ “โคราช Thai Silk นวัตกรรมผ้าไหมไทยประยุกต์” เป็นการเดินแผนบูมตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมโคราช เพื่ออวดโฉมผ้าไหมโคราชแก่
ชาวไทยทั่วประเทศ โดยนำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมคุณภาพดีจากกลุ่มอาชีพกว่า 100 กลุ่มจาก 20 อำเภอใน จ.นครราชสีมา มาแสดง และจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมกับมีนิทรรศการจัดแสดงมหัศจรรย์แห่งตำนานผ้าไหมพื้นเมืองโคราช 7 แบบ 7 ลาย และตื่นตากับนวัตกรรมการสร้างสรรค์ผ้าไหมยืดได้ ผ้าไหมซักเครื่อง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการเดินแฟชั่นโชว์จากผ้าไหมโดยนักแสดงชื่อดัง โดยงานนี้จัดแสดง ที่บริเวณลาน วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ในวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2552 โดยมี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน ในวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. คาดว่างานนี้จะเกิดการซื้อขายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมโคราชอย่างคึกคัก และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโคราชให้คึกคักตามไปด้วย.